วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ความหวังของเรา
วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551
Liverpool VS Man.City
เหตการณ์โกงความตามกลับมาอีกครั้ง เรามาดูอารมณ์ที่หลากหลายในเกมส์ที่ Liverpool พลิกกลับมาชนะ Man.City 3-2ได้หลังจากที่โดนยิ่งนำไป 2-0 ในครึ่งแรก และเรามาแก้คืนได้ 3 ประตู จาก Torres 2 ประตูและประตูชัยจาก เดิกร์คอย ลูกรักของป๋าราฟากัน
วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551
หงส์ดีเหลือเชื่อหรือดีจนน่าเชื่อ?
วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551
++ Daniel Agger: I will be back ++
ประการแรก แอกเกอร์เพิ่งหายเจ็บกลับมา หลังจากบาดเจ็บไปหลายเดือน ราฟาคงยังไม่อยากใช้งานหนักๆ เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา คงจะค่อยๆ ใช้งานแอกเกอร์ โดยเฉพาะเกมส์ในบ้านที่เจอทีมเล็กๆ หรือในฟุตบอลถ้วย อย่างเอฟเอคัพ หรือ ในช่วงที่โปรแกรมแชมป์เปียนลีกชุกๆ จำเป็นต้องรักษาความสดของนักเตะ เพื่อรับกับเกมส์หนักในพรีเมียร์ลีกต่อไป
ประการที่สอง ฟอร์มอันคงเส้นคงวาของสเคอร์เทล นับตั้งแต่น้องปลาคาฟ ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนด์ฟิล มีแค่เพียงสองนัดเท่านั้น ที่เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน นัดแรกคือนัดเปิดตัวกับ Havant Waterlooville และนัดที่แพ้แมนฯ ยู เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นอกจากนั้น หมอนี่เล่นได้อย่างโดดเด่นมาตลอด เป็นกองหลังตัวใหญ่ เร็ว เล่นลูกโหม่งดี แถมยังใจสู้ บู๊แหลกอีกต่างหาก อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ฟอร์มอย่างนี้แอกเกอร์คงต้องยอม ส่วนคาร์ร่า แม้เทคนิคจะเป็นรองแอกเกอร์และสเคอเทล แต่ก็เป็นกองหลังจอมขยัน อีกทั้งเป็นรองกัปตันทีม เป็นนักเตะคนหนึ่งที่คอยกระตุ้นทีมอยู่ตลอดเวลา ประสบการณ์สูง ราฟาไม่ให้ลงคงมีเคือง แอกเกอร์ในเวลานี้คงต้องยอมรับบทบาทกองหลังตัวเลือกที่ 3 ไปโดยปริยาย
วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551
ชัยชนะในศึกแดงเดือด
ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศึกแดงเดือดภาคแรกประจำฤดูกาล 2008 ด้วยชัยชนะที่แสนล้ำค่าและน่าจดจำที่สุดของเฟล่า The Kop ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าลูกทีมของราฟาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่จะดูเป็นรองในช่วงครึ่งแรก การวิ่งศู้ฟัดของเหล่านักเตะในยามที่ขาดทั้ง Gerrard และ Torres แต่กลับเป็นผลดีสำหรับทีม โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้ชมเกมส์นี้ แต่อาศัยการได้รับฟังการบรรยายทาง วิทยุ น่าเสียดายเป็นที่สุด
ประเด็นที่อยากจะพูดถึงก็คือ การพัฒนาขึ้นของทีมเชื่อแน่ว่าในช่วงการเข้ามาคุมทีมของราฟา เราน่าจะมีชัยเหนือทีมปีศาจแดงในทุกเกมส์ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จด้วยเหตุผลของความไม่เด็ดขาด หรืออย่างที่ทราบกัน ชัยชนะในครั้งนี้ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคอย่างเช่นที่ผีแดงเคยทำกัทีมเรา เพราะหลายต่อหลายนัดที่โชคดีเป็นของปีศาจแดง ครั้งนี้ชัยชนะล้วนมาจากทั้งความสามารถ แท็กติก และความทุ่มเทของนักเตะ
สุดท้ายขอให้เกมส์ต่อ ๆ ไปของทีมเราสามารถเล่นได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นและความเชียบขาดต้องมีอยู่เสมอ
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551
รอบบีคีน กับรูปแบบการเล่น
ในสัปดาห็นี้ไม่มีบอลพรีเมียลีกเตะ ก็เลยหาบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับทีม ประเด็นนี้น่าสนใจมากครับ ซึ่งบทความนี้นำมาจากรายการ Match of the day ของ BBC เป็นการแสดงทรรศนะของ Lee Dixon อดีตฟูลแบคตัวเก่งของอาเซน่อลที่มาเป็น pundit ในวันนั้น เค้าพูดถึงแทกติกของทีมเราในการใช้งานร็อบบี้ คีน ในช่วงที่ผ่านมาและเกมกับแอสตัน วิลล่าครับ
"ผมรู้สึกแปลกกับบทบาทในทีมของรอบบี้ คีนหลังจากย้ายมาร่วมทีมหงส์แดงในราคาที่แพงระยับ ที่สเปอร์ คีนมีอิทธิพลกับทีมมากและเล่นได้อย่างยอดเยี่มกับคู่ขาอย่างดิมิทรี เบอบาทอฟ คีนทำประตุไปกว่า 23 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้วและมากมายจากจำนวนนั้นมาจากการประสานงานกับเบอบาทอฟ แล้วเค้าจะทำได้ยอดเยี่มเช่นนี้ไม๊ เมื่อจับคู่กับเฟอนานโด ทอเรส?
แต่ เมื่อเค้าถูกจับมาเล่นในตำแหน่งวิงซ้ายของแผงกองกลางห้าคน ผมเองซึ่งเล่นตำแหน่งฟูลแบคมาก่อน ถ้าได้ลงเล่นปะทะกับคีนในตำแหน่งนี้ ผมจะรู้สึกยินดีมาก เพราะคีนจะอันตรายมากถ้าเล่นอยู่ในพื้นที่ของ centrl forward ดังนั้นยิ่งเค้าออกมาจากพื้นที่นั้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งสบายใจมากท่านั้น
ในนัดเจอกับแอสตันวิลล่า คีนเริ่มต้นในตำแหน่งวิง ซ้าย ซึ่งเค้าก้อแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเค้าไม่ถนัดเล่นตรงนั้น บ่อยครั้งจึงเห็นเค้าหุบเข้าไปเล่นกลางสนาม เพื่อเข้าไปเล่นบอล แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติการเล่นของเค้าคือกลางสนาม ไม่ใช่ริมเส้น ซึ่งเมื่อเค้าทิ้งตำแหน่งตัวเองมานั้น จะทำให้พื้นที่ทางฝั่งซ้ายโล่งไม่มีคนเล่นบอล ซึ่งเราจะเห็นสองถึงสามครั้งในเกมกับวิลล่า ที่อลอนโซ่มองเพื่อถ่ายบอลไปเล่นทางฝั่งซ้าย แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
ในนัดเจอกับวิลล่า เราจะเห็นสถานการณ์ที่นักเตะหงส์หกคนจุกรวมอยู่พื้นที่ตรงกลาง ซึ่งรวมกับนักเตะเกมรับของวิลล่าแล้ว มันจะยิ่งแน่นในพื้นที่ตรงกลาง ซึ่ง"ง่าย"ต่อการป้องกันของกองหลัง แต่หลังจากที่ทอเรสได้รับบาดเจ็บ รอบบี้ คีน ก็เริ่มส่งผลต่อทีม และต่อเกมนี้
เดวิด เอนก๊อก ลงมาในตำแหน่งของทอเรสและคีนถุกโยกกลับเข้าไปเล่นในตำแหน่งถนัด มันเป็นงานยากของกองหลังที่จะประกบเค้า และคีนก็ได้สร้างจังหวะดีๆในการทำปะตูให้กับเอนก๊อก แต่ลูกนั้นเอนก๊อกก็ยิงข้ามคานออกไป และเราจะเห็นโอกาสทำประตูของรอบบี้ คีนอีกหลายๆครั้งในครึ่งหลังที่เกิดจากการประสานงานกับอลอนโซ่ หรือแม้แต่การสร้างโอกาสด้วยตัวเองของเค้าเมื่อได้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง มีโอกาสดีๆหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นประตู ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเค้าขาดความมั่นใจ
ในตำแหน่งที่เค้าถนัด คุณจะคาดหวังว่าเค้าจะลงไปล้วงบอล พาบอลขึ้นมาเล่นและทำประตู ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าไอริชแมนคนนี้จะไม่แฮปปี้กับการเล่นของเค้าและส่งผลถึงการทำประตู ซึ่งกองหน้าเมื่อขาดประตู ก็ต้องขาดความมั่นใจ
จากช่วงต้นเกมที่ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด จนถึงเมื่อถูกโยกมาเล่นในตำแหน่งตรงกลางที่เค้าถนัด คีนก็ดูแฮปปี้กว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เค้ามีบทบาทต่อเกมนี้ไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง ต่างจากเมื่ออยู่ในตำแหน่งทางกราบซ้ายที่ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ลิเวอร์พูลตามล่าแกเรธ แบรี่มาตลอดในช่วงซัมเมอนี้ แต่พวกเค้าต้องอย่าลืมว่าตำแหน่งจริงๆของแบรี่คือมิดฟิลกลางสนาม ซึ่งการเซ็นสัญญากับอัลเบิต ริเอร่า อาจจะเป็นคำตอบที่ดี หลังจากที่เค้าได้ลองใช้ไรอัล บาเบิลและเจอมาน เพ้นแน้นมาระยะหนึ่ง ซึ่งด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เค้าทั้งคู่ไม่เวิค
ตอนนี้ลิเวอร์พูลแข็งแกร่งมากในตำแหน่งมิดฟิลตรงกลางแต่เกมทางด้านริมเส้นนั้นยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งก็จบด้วยการเล่นแบบเจาะเข้าไปตรงกลาง จะเห้นว่าในนัดเจอวิลล่า ราฟาไม่ได้เปลี่ยนแปลงแทกติกอะไรมาก แต่การขาดกำลังขับเคลื่อนเกมอย่างสตีเฟ่น เจอราดและการเสียทอเรสไปจากการบาดเจ็บ ผลเสมอที่ได้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย และราฟาควรจะพอใจกับมัน
ผมคิดว่า ราฟา ควรจะมีความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆมากกว่านี้นิดนึง (I just think he should have been a bit more adventurous.) อาจจะเป็นการถอดนักเตะบางคนออกจากทีมและให้คีนทำงานของเค้าในตำแหน่งที่เค้าถนัด ผมไม่เห็นว่าการที่นักเตะค่าตัว 20 ล้านปอนด์ที่ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ และอันตรายมากหน้าเขตโทษ จะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่เค้าไม่ถนัดจะส่งผลดีต่อทีม"
ที่มา http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/eng_prem/7591343.stm
http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=23984#254655