วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

++ Daniel Agger: I will be back ++


วันนี้หัวใจผมเรียกร้องอยากเขียนบทความเกี่ยวกับ นักเตะขวัญใจของผม อย่างนาย Daniel Agger ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ สำหรับสถานการณ์โดยส่วนตัวของเขาสักหน่อย ซึ่งอาจจะสวนทางกับสถานการณ์ของทีมที่กำลังไปได้สวยในตอนนี้ ขอแล้วกันนะครับ พี่น้องชาวหงส์มารZ ทุกท่าน เพราะผมมีเวลาว่างแค่นิดหน่อยในช่วงนี้พอดี ผมเองในฐานะที่เป็นกองเชียร์หงส์คนหนึ่ง ซึ่งในอดีตไม่เคยมีนักเตะขวัญใจเลย ส่วนใหญ่จะเป็นการเชียร์ทีมในภาพรวมมากกว่า แต่ด้วยความที่สมัยเล่นบอลกับเพื่อนๆ ผมชอบโดนบังคับให้ไปเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากทุกคนมันอยากจะเล่นกองกลาง กองหน้ากันหมด กองหลังมันพวกปิดทองหลังพระ มันก็เลยไม่ยอมเล่นกัน เวลาดูฟุตบอลผมจึงชอบดูการเล่นของเซนเตอร์ฮาล์ฟของทีมต่างๆ และทันทีที่ผมได้ดูเกมส์กระชับมิตรระหว่างทีมชาติเดนมาร์กกับทีมขวัญใจมหาชนชาวสยามอย่างทีมชาติอังกฤษ เมื่อปี 2005 ผมก็ไปสะดุดตาตรงปราการหลังตัวกลาง รูปร่างสูงแต่ผอมบางคนหนึ่ง เขาคนนั้นคือ แอกเกอร์ ซึ่งขณะนั้นเพิ่งติดทีมชาติเดนมาร์กได้ไม่กี่นัด ซึ่งเล่นได้อย่างชาญฉลาดและโดดเด่นมาก ด้วยการประกบกองหน้าหมูพลิ้วของอังกฤษ เวย์น รูนี่ ซะไปไม่เป็น และแน่นอนเกมส์นั้นจบลงด้วยชัยชนะของ ทีมโคนม เหนือทีมชาติอังกฤษ 4:1 เขาคนนั้นเลยกลายเป็นขวัญใจของผมตั้งแต่นั้นมา


ต่อมามีข่าวว่าหงส์แดงสนใจนักเตะคนนั้น ผมดีใจมาก และความฝันของผมที่อยากเห็นแอกเกอร์ในฐานะนักเตะหงส์ก็เป็นจริง เมื่อราฟาคว้าตัวแอกเกอร์ มาในช่วงเปิดตลาดรอบสองในเดือน ม.ค. 2006 ด้วยค่าตัว 5.8 ล้านปอนด์ ซึ่งในฤดูกาลนั้น เขาได้ลงสนามเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น ต่อมาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาสามารถยึดตำแหน่งปราการหลังตัวจริงของทีมได้สำเร็จ และสามารถทำประตูได้ในเกมส์ที่หงส์เอาชนะเวสต์แฮม ด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งที่ได้รับการโหวตว่า เป็นประตูสวยที่สุดประจำเดือนของรายการ Match of the Day ทาง BBC นอกจากนั้น ยังถูกโหวตให้เป็นประตูที่สวยที่สุดของสโมสรเฉพาะเวทีพรีเมียร์ชิพในฤดูกาลที่แล้ว และยังยิงประตูได้ในเกมส์กับเบอร์บิงแฮมและอาเซนอล รวมทั้ง บิ๊กเกมส์แชมป์เปียนลีกกับเชลซีอีกด้วย โอ้ แอกเกอร์ของผมฟอร์มแหล่มซะนี่กระไร สมใจที่รอคอย และแล้วเขาก็เจ็บ ทีแรกผมคิดว่าคงเจ็บไม่นานหรอก เดี๋ยวคงกลับมา แต่สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดครับ หลังจากผ่าตัดและเรียกความฟิต โดยการใส่รองเท้าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ระหว่างการฝึกซ้อมเตรียมคืนสนามฤดูกาลนั้นของเขาก็ต้องปิดฉากลงเมื่อได้รับบาดเจ็บซ้ำ ผลกระทบต่อทีมเป็นไง เราๆ ท่านๆ คงทราบครับ ทีมเราเป๋ไปเลยช่วงหนึ่ง จนราฟาต้องซื้อ น้องปลาคาฟ มาร์ติน สเคอเทล จากเซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มากอบกู้สถานการณ์ ในราคา 6.5 ล้านปอนด์ ทีมกว่าจะกลับมาเข้าที่เข้าทางได้ก็ปลายๆ ฤดูกาลแล้ว แต่มันก็สายเกินไป


ถึงแม้ผมจะชื่นชอบแอกเกอร์ แต่ผมเองก็ชื่นชอบในแนวทางการเล่นของสเคอร์เทลเช่นเดียวกัน ล่าสุดตำนานของหงส์อย่าง แกรี่ จิลเลสพี ผู้ที่เคยเล่นกับยอดกองหลังอย่าง มาร์ก ลอเรนสัน, อลัน แฮนเซน และฟิล นีล ออกมาชมการเล่นของสเคอเทล เป็นการใหญ่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทั้งแอกเกอร์และสเคอร์เทลแทบไม่มีใครรู้จัก ทั้งสองคน เป็นนักเตะค่าตัวแสนถูกเมื่อเทียบกับศักยภาพแล้ว คุณจะไปหานักเตะคุณภาพระดับนี้ ในราคา 5-6 ล้านปอนด์ อย่างนี้ได้ที่ไหน ในส่วนนี้ราฟาและทีมงานแมวมอง ควรได้รับเครดิตไปแบบเต็มๆ ทั้งสองคนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน แอกเกอร์เป็นกองหลังเชิงสูง อ่านเกมส์ดี จ่ายบอลดี แถมมีลูกยิงไกลที่หวังผลได้ ส่วนสเคอเทลสูงกว่าแอกเกอร์นิดหน่อย เล่นลูกโหม่งได้ดี แข็งแกร่งมีความเร็วมากกว่าแอกเกอร์ มีลูกบู๊ สู้ไม่ถอย ในมุมมองผมน่าจะเป็นคู่กองหลังที่ดีที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ของทีม แม้ยังไม่ได้เล่นคู่กันเลยในฤดูกาลนี้ก็ตาม เพราะแอกเกอร์ผมต้องใส่สนับก้นอยู่ข้างสนามตลอดในฤดูกาลนี้ แต่ทั้งสองคนอายุยังน้อย เพียงอายุ 23 ปีเท่ากัน ประสบการณ์ยังเป็นรองคาร์ร่าอยู่พอสมควร ผมเองคิดว่า ราฟาคงหนักใจพอสมควร (แต่เป็นการหนักใจที่ผู้จัดการทีมทุกคนอยากเป็น) เพราะทีมมีเซนต์เตอร์ชั้นดีอยู่ในทีมถึง 4 ราย โอเค ในส่วนของฮูเปีย ราฟาเองอาจวางให้เป็นแบ็กอัพของนักเตะรุ่นน้อง เวลาเล่นในคาร์ลิ่งคัพ หรือไว้สลับกันเล่นในเกมส์เจอทีมที่อ่อนกว่าในบ้านเป็นหลัก ล่าสุดน้าฮูก็โดนตัดตัวออกจากเกมส์แชมเปียนลีก ด้วยเหตุผลที่ทีมต้องส่งเด็กที่เป็นเด็กสร้างของสโมสรหรือทีมในอังกฤษ รวม 8 คน และออกอาการน้อยใจนิดๆ เหมือนกัน แต่ทำไงได้กฎก็ต้องเป็นกฎ และนั่นผมคิดว่าเลยเป็นที่มาของการใส่ชื่อฮูเปีย เป็นสำรองในเกมส์แดงเดือดแทนที่แอกเกอร์ เอ๊ะ แล้วอย่างนี้แอกเกอร์ของผมจะน้อยใจมั๊ยเนี่ย อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าราฟามีเหตุผล 3 ประการในการตัดสินใจใช้งาน สเคอเทลคู่คาร์ร่า ในฤดูกาลนี้

ประการแรก แอกเกอร์เพิ่งหายเจ็บกลับมา หลังจากบาดเจ็บไปหลายเดือน ราฟาคงยังไม่อยากใช้งานหนักๆ เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา คงจะค่อยๆ ใช้งานแอกเกอร์ โดยเฉพาะเกมส์ในบ้านที่เจอทีมเล็กๆ หรือในฟุตบอลถ้วย อย่างเอฟเอคัพ หรือ ในช่วงที่โปรแกรมแชมป์เปียนลีกชุกๆ จำเป็นต้องรักษาความสดของนักเตะ เพื่อรับกับเกมส์หนักในพรีเมียร์ลีกต่อไป

ประการที่สอง ฟอร์มอันคงเส้นคงวาของสเคอร์เทล นับตั้งแต่น้องปลาคาฟ ย้ายมาเล่นในถิ่นแอนด์ฟิล มีแค่เพียงสองนัดเท่านั้น ที่เขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน นัดแรกคือนัดเปิดตัวกับ Havant Waterlooville และนัดที่แพ้แมนฯ ยู เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นอกจากนั้น หมอนี่เล่นได้อย่างโดดเด่นมาตลอด เป็นกองหลังตัวใหญ่ เร็ว เล่นลูกโหม่งดี แถมยังใจสู้ บู๊แหลกอีกต่างหาก อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ฟอร์มอย่างนี้แอกเกอร์คงต้องยอม ส่วนคาร์ร่า แม้เทคนิคจะเป็นรองแอกเกอร์และสเคอเทล แต่ก็เป็นกองหลังจอมขยัน อีกทั้งเป็นรองกัปตันทีม เป็นนักเตะคนหนึ่งที่คอยกระตุ้นทีมอยู่ตลอดเวลา ประสบการณ์สูง ราฟาไม่ให้ลงคงมีเคือง แอกเกอร์ในเวลานี้คงต้องยอมรับบทบาทกองหลังตัวเลือกที่ 3 ไปโดยปริยาย


ประการสุดท้าย ด้วยเหตุผลที่กองหลังจำเป็นต้องเล่นกันอย่างเข้าขารู้ใจ การเปลี่ยนกองหลังบ่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อทีมในภาพรวมแน่ โดยเฉพาะในฤดูกาลที่มีความกดดันมหาศาลกดลงบนบ่าทั้งสองข้างของราฟา เช่นฤดูกาลนี้ เนื่องจากไอ้สองมะกันมันจ้องอยู่ รวมทั้ง กองหลังคู่อย่าง คาร์ร่าและสเคอเทล ก็เล่นด้วยกันอย่างยอดเยี่ยม ฤดูกาลนี้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกมา 4 นัด เสียไปแค่ 2 ประตู หนึ่งประตูในจำนวนนั้นมาจากการยิงไกลของมิโด เห็นแล้วต้องบอก “ให้มันไปเถอะ” นอกนั้น เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงกองหลังตัวกลางที่เล่นกันได้ดีอยู่แล้ว

ผมเองก็หวังว่า แอกเกอร์จะมีความอดทน รอโอกาส พัฒนาร่างกาย พัฒนาความฟิต และมื่อโอกาสนั้นมาถึงต้องโชว์ผลงานให้ดีที่สุด อย่างไรก็ดี สถานการณ์อย่างนี้จะเป็นผลดีต่อทีม นักเตะแข่งกันโชว์ผลงานออกมา อีกใจหนึ่งกลัวแอกเกอร์น้อยใจ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ผมจึงอยากให้ราฟาจัดแอกเกอร์ลงเป็นตัวจริงในนัดที่หงส์แดงจะเปิดบ้านตีหม้อ (Stoke City) ในวันเสาร์นี้ซักหน่อย จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากเมื่อวานได้อ่านบทสัมภาษณ์แล้ว ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ซึ่งแอกเกอร์บอกว่า “ผมคิดว่าการมีชื่อในเกมส์กับมาร์กเซย์เป็นสัญญาณที่ดีในการกลับสู่ทีมของผม และผมจะตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงต่อไป” เหมือนเป็นการให้สัญญาว่า I will be back!! ++

ข่าวหรือบทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ hongmarnz ผู้ต้องการเผยแพร่ข่าวหรือบทความต้องให้เครดิตผู้แปลข่าวหรือบทความ และ hongmarnz



ฟรี สถิติเว็บไซต์seo


ไม่มีความคิดเห็น: